สวัสดีครับ
ตอนนี้ผมได้ย้ายการเขียน blog จากการใช้ blogspot มาเป็นเว็บนี้นะครับ
บทความนี้จึงเป็นเนื้อหาเก่าเรื่อง
“ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาทองคำ”
แต่ผมเอามาเรียงรวมกัน ทีแรกผมลองเขียนเป็นการ์ตูน แต่ตอนนี้ผมจะเอามาเป็นความเรียง เพราะคิดว่ารวมกันดีกว่า ยังไงขออภัยล่วงหน้าถ้าทำให้ดูงงๆนะครับ
เนื้อหาในบทความนี้จะแบ่งเป็น 3 ช่วงนะครับ คือ
- ตลาดทองโดยรวม
- ปัจจัยกระทบราคาทอง part 1
- ปัจจัยกระทบราคาทอง part 2 + etc
โดยในตอน 1 จะเป็นการเกริ่นนำก่อนว่า ทองคำคืออะไร และลักษณะตลาดโดยรวมทั้งฝ่ายผู้ซื้อและขาย เป็นอย่างไร เพื่อที่จะให้นึกภาพให้ออกก่อนว่า ทองคำที่จะพูดต่อไปนั้น มีบทบาทอะไรบ้างทั้งที่รู้อยู่แล้ว และไม่รู้
ในตอนที่ 2 และ 3 ก็จะพูดถึงสิ่งที่ขับเคลื่อนราคาทองจริงๆ อิงจากประวัติศาสตร์ โดยเครื่องมือที่ผมใช้มองจะเป็น สถิติ และ เศรษฐศาตร์ ตามกระแสนิยมนะครับ พูดแล้วฟังดูซับซ้อนน่าง่วง แต่มันก็ใช้อธิบายได้ดีที่สุด และ หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องทองแล้วครับ
ทั้งนี้ผมพยายามทำให้ทุกอย่างสั้นที่สุด ดังนั้น เนื้อหาจะไม่หนักเท่าไหร่นะครับ มาเริ่มกันเลยครับ
——————————-
1. ตลาดทองโดยรวม
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามาตั้งแต่อดีตโบราณกาล จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่จนถึงปัจจุบัน
ช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ทองได้ชื่อว่าเป็นเครื่องมือต่อสู้เงินเฟ้ออย่างหนึ่ง
แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว และได้รับความสนใจมากในฐานะการลงทุนทั้งในระดับบุคคล และประเทศ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ คนไม่มั่นใจใน “เงินกระดาษ” มากขึ้น ดังที่เห็นจากการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ ต่อๆกันหลายครั้ง
แม้ว่าราคาจะตกลงมามาก ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แต่ถือได้ว่า ทองยังคงเป็นสินทรัพย์กระแสหลักที่ผู้คนยังต้องการมีในพอร์ทการลงทุนส่วนหนึ่ง
ผมศึกษาข้อมูลจากประวัติศาสตร์ รวมถึงรวบรวมหลักฐานตัวเลขมา เพื่อทำหใ้เกิดความเข้าใจในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองมากขึ้นสำหรับคนที่สนใจอยากลงทุนในทองหรือใครก็ตามที่สนใจครับ
ตอนนี้จะเกี่ยวกับ ตลาดทองโลกโดยรวม ฝ่ายซื้อ ฝ่ายขายทองคำ ที่สำคัญนะครับ
**อยากให้ท่านผู้อ่านดูที่ภาพการ์ตูนด้วยนะครับ เพราะมีการพล้อตกราฟและอธิบายศัพท์เฉพาะไว้ให้กระชับที่สุดครับ**
ทองคำ (Gold)
เป็นโลหะสีเหลืองที่พบ ได้ตามธรรมชาติ ทำลายไม่ได้ หลอมได้แบ่งได้ และหายากมาก นำไฟฟ้าและความร้อนได้ดี ถูกยอมรับว่า มีมูลค่าสูงและใช้แลกเปลี่ยนกันมานานแล้ว นอกจากนี้ทองคำ เปรียบได้เสมือน สกุลเงินสากลของโลก สภาพคล่องสูง ทุกคนรู้ว่ามีมันมีค่าในตัวเอง และไม่ต้องมีใครมาเซ็นรับรองว่าชำระหนี้ได้(Has No Credit Risk)
ตลาดทองและราคาทองโดยทั่วไปถูกกำหนดโดย
ด้าน Demand (ปริมาณ-ฝ่ายจะซื้อ) : แบ่งประเภท คือ เครื่องประดับ /การลงทุน (ทองแท่ง,เหรียญ และ ETF กับสิ่งคล้ายคลึง) /เทคโนโลยี (อิเลคโทรนิกส์, ทันตกรรม, อุตสาหกรรมอื่นๆ) – ผลิตพวกเครื่องมือต่างๆ /ธนาคารกลาง (หรือหน่วยงานที่เหมือนกัน) – เช่นการสำรองทองของธนาคารกลาง ตรงนี้ กลุ่มเครื่องประดับยังตงนำเป็นที่ 1
ด้าน Supply (ปริมาณ-ฝ่ายจะขาย) : แบ่งประเภท คือ ผลผลิตจากเหมืองแร่ /เศษทองเก่ามาใช้ใหม่ /การขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงของผู้ผลิต โดยแนวโน้มในช่วงที่ราคาขึ้นเร็ว อัตราการเติบโตของการผลิตทองก็เพิ่มขึ้นเร็วเช่นกัน
จากนี้จะเป็นการ์ตูนที่พูดถึงรายละเอียดทั้งหมดในหัวข้อที่ 1 นะครับ










2. ปัจจัยกระทบราคาทอง part 1
ในตอนนี้มาเข้าเรื่องปัจจัยกระทบราคาทองเลยนะครับ ตอนนี้อาจมีตัวเลขยั้วเยี้ยหน่อย แต่ตัวเลขนี้จะเป็นกุญแจที่ค่อยๆเปิดเผยสิ่งที่ขับเคลื่อนราคาทองอยู่เบื้องหลังนะครับ
อันนี้เป็นคำเตือนเป็นพิเศษ ผมเขียนขึ้นมาในฐานะ ผู้ให้ความเห็นซึ่งศึกษาเรื่องการลงทุนและประวัติศาสตร์ราคาทองเท่านั้น ซึ่งส่วนมากจะเป็น conventional wisdom (ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ) อยู่แล้ว ส่วนมันจะเป็นจริงหรือไม่ ผมไม่อาจฟันธงได้ จึงขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านว่าเหตุผลและหลักฐานที่ผมยกมาประกอบ มันดีพอหรือไม่นะครับ
**อยากให้ท่านผู้อ่านดูที่ภาพการ์ตูนด้วยนะครับ เพราะมีการพล้อตกราฟและอธิบายศัพท์เฉพาะไว้ให้กระชับที่สุดครับ**
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ จะแบ่งเป็นข้อๆตามนี้นะครับ
1. ค่าเงินดอลลาร์ (USD) (-)
โดยทั่วไปถ้าค่าเงิน USD เทียบกับค่าเงินยูโรอ่อนลง (คือ EUR/USD ลดลง) ราคาทองจะเพิ่มขึ้น เงิน USD เป็นเงินสกุลใหญ่สุดอันหนึ่งและกระจายอยู่ทั่วโลก เมื่อค่าเงินอ่อน นักลงทุนจะขายเงิน USD ทิ้งและหันไปถือสินทรัพย์อื่นเช่น ทอง เงินประเทศอื่น เพื่อรักษามูลค่าสินทรัพย์ของตนไว้
อย่างไรก็ตามช่วง อยากให้ลองสังเกต ช่วงปี 2008-2012 ค่า Correlation จะประมาณ +0.4 ส่วนตัวคิดว่า เป็นช่วงที่หลายๆประเทศใหญ่ๆผ่อนคลายทางการเงิน ปริมาณเงินของโลกจึงเพิ่มขึ้นมหาศาล ราคาทองเลยเพิ่มขึ้นพร้อมค่าเงินแข็งขึ้น
2. อัตราดอกเบี้ย/นโยบายการเงินของ US
โดยทั่วไป ถ้าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ US สูงขึ้น ราคาทองจะลง เพราะ
– ผลตอบแทนของพวกเงินฝาก/พันธบัตรสูงขึ้น ทองน่าสนใจน้อยลง คนขายทองทิ้งราคาจึงลง
– สินทรัพย์ที่เป็นเงิน USD น่าสนใจขึ้น ทำให้ความต้องการเงิน USD เพิ่มขึ้น ราคาทองจึงลง
นอกจากนี้การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินก็มีผลทำให้ราคาทองเพิ่ม เช่นการใช้ QE เพราะจะเข้าไปเพิ่มปริมาณเงินในระบบจนทำให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลงอาจกล่าวได้ว่า ‘ราคาทองที่สูงขึ้น สะท้อนการเพิ่มปริมาณเงินโดยธนาคารกลาง’
อย่างไรก็ตาม ในบางช่วง อัตราดอกเบี้ย US และราคาทองไปในทิศทางเดียวกัน เป็นไปได้ว่า
– บางคน เชื่อว่ามีหากดอกเบี้ยสูงขึ้น จะทำให้ดัชนีหุ้นร่วง เกิดผลบวกต่อตลาดพันธบัตรและทอง
– การขึ้นดอกเบี้ยเป็นการชี้ว่าเศรษฐกิจเติบโตได้ดี กำลังซื้อทองจึงสูงขึ้น ทำให้ราคาทองสูงขึ้น
3. เงินเฟ้อของ US (+)
ถ้าเงินเฟ้อ (CPI) ของ US สูงขึ้น ราคาทองจะสูงขึ้น คือ เงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงของ US ต่ำลง (คิดภาพของแพงขึ้นแต่ได้ดอกเงินฝากเท่าเดิม) ส่งผลให้สินทรัพย์ประเภทเงินฝากหรือพันธบัตรดึงดูดน้อยลง ส่งผลให้คนหันไปถือทองมากขึ้น และดันราคาทองสูงขึ้น
ในด้านของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นก็กระทบอัตราเงินเฟ้อและราคาทองเหมือนกันนะ เพราะว่า น้ำมันเป็นส่วนประกอบของการวัดค่าเงินเฟ้อ (CPI) ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้้ต้นทุนการผลิตทั่วไปสูงขึ้นจนในสุดผู้ผลิตสินค้าจะโยนภาระมาให้ผู้บริโภคด้วยการขึ้นราคาสินค้า (Cost Push Inflation)
จากนี้จะเป็นการ์ตูนที่พูดถึงรายละเอียดทั้งหมดในหัวข้อที่ 2 นะครับ













3. ปัจจัยกระทบราคาทอง part 2 + etc
ในตอนนี้จะพูดต่อเรื่องสิ่งที่มีผลกระทบต่อราคาทองให้จบนะครับ รวมถึงข้อควรรู้บางประการและ ถ้าต้องการลงทุนทองคำโดยการซื้อภายในประเทศไทยครับ อันนี้เป็นตอนจบของชุดนี้แล้วครับ
**อยากให้ท่านผู้อ่านดูที่ภาพการ์ตูนด้วยนะครับ เพราะมีการพล้อตกราฟและอธิบายศัพท์เฉพาะไว้ให้กระชับที่สุดครับ**
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ จะแบ่งเป็นข้อๆตามนี้ โดยเริ่มที่ข้อ 4 (อันก่อนหน้าจบที่ข้อ3) นะครับ
4. เศรษฐกิจของ US (-)
ถ้าเศรษฐกิจ US แข็งแกร่งจะทำให้ราคาทองลดลง ถ้าการชี้วัดมองที่ GDP ของ US เป็นหลัก โดยที่ผ่านมา ราคาทองจะวิ่งไปตรงข้ามกับ Nominal GDP Growth ของ US เพราะทองถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยซึ่งราคาจะขึ้น เมื่อมีความเสี่ยงทางสภาวะเศรษฐกิจหรือเกิดความไม่แน่นอน แต่นั่นก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง เช่นเมื่อเศรษฐกิจดีทำให้เกิด Demand Pull Inflation ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นและราคาทองขึ้น
ดัชนีสำคัญช่วยชี้ GDP ของ US เช่น เลข Retail Sale /ลขชี้เกี่ยวกับการว่างงาน/ความมั่นใจผู้บริโภค
(ศัพท์เฉพาะและกราฟหลายตัว อธิบายในภาพการ์ตูน)
5. วิกฤตทางเศรษฐกิจและการเมือง
ช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจแล้วราคาทองดูจะขึ้น ช่วง Subprime / เริ่ม Euro Debt Crisis
ช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจแล้วราคาทองดูจะลง ช่วง ต้มยำกุ้ง / เริ่ม Argentina Depression
จากตรงนี้ไปเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะครับ หากราคาทองเป็นเครื่องเตือนภัยทางเศรษฐกิจจริง ทำไมช่วงนึงราคาทองขึ้นและอีกช่วงราคาทองลง ผมขอให้ความเห็นว่า จะต้องเป็นวิกฤตที่สั่นสะเทือนเศรษฐกิจ ของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เช่น อเมริกา ยุโรป เท่านั้น จึงจะมีผลกระทบต่อราคาทองจะเห็นได้ว่าช่วงที่เกิดต้มยำกุ้ง มันไม่ได้สะเทือน GDP Growth ของอเมริกาเลย (ดูกราฟหัวข้อก่อนหน้า)แต่ช่วงที่เกิด dotcom bubble ประมาณปี 2000-2001 มันทำให้เศรษฐกิจอเมริกาถดถอยและเป็นช่วงที่ราคาทองเริ่มผงกหัวขึ้น จากตรงนี้ ผมจึงมีความรู้สึกว่า หลายๆครั้งที่เกิดการก่อการร้าย แต่ไม่ได้ส่งผลต่อราคาทองมากนัก เป็นเพราะ โดยเนื้อแท้มันไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจสักเท่าไหร่ ถ้าผู้อ่านสนใจหัวข้อนี้ อยากให้ลองกลับไปดูราคาทองเทียบกับ Crisis ต่างๆที่เกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยสรุปว่า เหตุการณ์แบบไหนที่ผลักดันราคาทอง เพราะตรงนี้ เป็นความรู้สึกของผมล้วนๆครับ
ในหัวข้อวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง ผมใช้ดัชนีหุ้นต่างๆเพื่อเป็นตัวแทนตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ เพราะดัชนีตลาดหุ้นถือเป็น ดัชนีนำทางเศรษฐกิจ (Leading Economic Indicator)โดยชื่อกราฟแต่ละเส้น จะแทนด้วยอักษรย่อซึ่งมีความหมายดังนี้
Gold_USD (ราคาทองในรูปค่าเงิน USD)
SP500 (ดัชนี S&P500 – =ชี้หุ้นอเมริกา; 500 บริษัทใหญ่ ในตลาด NYSE และ NASDAQ)
NIKKEI (ดัชนี NIKKEI225 – ชี้หุ้นญี่ปุ่น; บริษัทชั้นนำ 225 แห่งใน Tokyo Stock Exchange)
STOXX50E (ดัชนี Euro Stoxx 50 – ชี้หุ้นยุโรป; บริษัทชั้นนำ 50 แห่งในยูโรโซน)
MERVAL (ดัชนี MERVAL – ชี้หุ้นอาร์เจนติน่า; ตัวชี้สำคัญใน Buenos Aires Stock Exchange)
SET (ดัชนี SET – ตลาดหุ้นไทย)
ทั้งนี้
กราฟหน้า 6 ผมเลือกเฉพาะประเทศใหญ่ๆ เพื่อให้ทุกท่านเห็นแนวโน้มโลกโดยรวม
กราฟหน้า 7 ผมชี้ให้เห็นถึงประเทศที๋โดนวิกฤต และปฏิกริยาที่เกิดกับราคาทองและหุ้น US
ตรงนี้จะเป็นหัวข้ออื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับทองคำนะครับ
ข้อสังเกต 1 – ผลตอบแทนของทองในรูปค่าเงินต่างๆ
การดูผลตอบแทนของทองในรูปแบบค่าเงินทองถิ่นก็เป็นเรื่องที่สำคัญ คือสุดท้ายผู้บริโภคก็ต้องซื้อทองในค่าเงินของเขา เช่นดูค่าเงินเยนจะเห็นว่าผลตอบแทนปี 2013 – 2014 ดีกว่าเยอะ
ข้อสังเกต 2 – ตัวแปรหลักที่สำคัญในการกำหนดราคาทองในไทย
1 ราคาทองในต่างประเทศ (Gold Spot) – เป็นราคาอ้างอิง ทั้งฝั่ง Bid และ Ask
2 อัตราค่า Premium – ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นในการนำเข้าและส่งออก เช่น ค่าขนส่ง/ประกัน
3 ค่าเงินบาทต่อ USD – โดยใช้อัตราโอนเงินระหว่างประเทศ
4 คณะกรรมการกำหนดราคาทอง
จากนี้จะเป็นการ์ตูนที่พูดถึงรายละเอียดทั้งหมดในหัวข้อที่ 3 นะครับ













GornAgain
Youtube Channel : https://www.youtube.com/channel/UCM_GtKr4u6KNkglfjeAiQVA
facebook page :https://www.facebook.com/GornAgain
————–
เพจห้องซ้อมดนตรี